วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ภาพประทับใจ

ที่เลือกรูปนี้มาเพราะประทับใจและภาคภูมิใจมาก ชื่อชุดการแสดงว่า
“ รำกฤษดาอภินิหาร ” ซึ่งเป็นการรำต่อหน้าพระที่นั่ง
สมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพมหานคร



ที่ประทับใจภาพนี้คือหลังจากเหนื่อยกับงานแสดงมาทั้งปีหัวหน้าได้พาไปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี
ไปสะพานข้ามแม่น้ำแคว ล่องแพ และสถานที่สุดท้าย คือ กองถ่ายพระนเรศวร ซึ่งภาพที่เห็นเราอยู่
กรุงอโยธยาแต่ด้านหลังนี้เป็นเมืองของพม่าซึ่งสร้างได้ใหญ่โตและเหมือนจริงมาก ทุกอย่างทำจากโฟม ไม้อัด แล้วมาฉาบด้วยปูนและตกแต่งทาสี แต่เหมือนกับของจริงจึงประทับใจมาก

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แนะนำตัวเอง

ผลการเรียนรู้

ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ในเนื้อหาของเมล์
1. ความรู้ที่ได้รับในการเรียนในครั้งนี้
- ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศในเรื่อง ข้อมูล (data) สารสนเทศ (information)
- ประโยชน์ของข้อมูลและสารสนเทศ
1. ด้านการวางแผน
2. ด้านการตัดสินใจ
3. ด้านการดำเนินงาน
- ระบบสารสนเทศ มีกระบวนการและความสำคัญต่อยุคปัจจุบัน เช่น การรับข้อมูล (Input)
การประมวลผล (Processing) การส่งออก (Output) ผลย้อนกลับ (Feedback)
- การจัดโครงสร้างของระบบสารสนเทศ เป็นระเบียบรวบรวมสิ่งต่างๆ ซึ่งมีลักษณะซับซ้อนเข้า
ด้วยกันและดำเนินด้วยกันไปสู่จุดหมาย
1. การจัดโครงสร้างของระบบสารสเทศโดยแบ่งการใช้ตามสารสนเทศ แบ่งได้ 4 ระดับ คือ สารสนเทศที่ได้จากการประมวลผลรายการ สารสนเทศสำหรับวางแผนการปกิบัติงาน สารสนเทศสำหรับการวางแผนยุทธวิธี สารสนเทศสำหรับวางแผนกลยุทธ์
2. การจัดโครงสร้างของระบบสารสนเทศดดยแบ่งตามกิจกรรม แบ่งได้ 4 ระดับ คือ การประมวลผลรายการ การวางแผนการปฏิบัติงาน การวางแผนยุทะวิธี การวางแผนกลยุทธ์
- การไหลเวียนของสารสนเทศ (Information Flow) ในการปฏิบัติหน้าที่ต้องมีระดับหน้าที่ที่แตกต่างกัน จึงต้องมีการถ่ายโอนข้อมูลซึ่งจากระดับล่างแล้วถ่ายโอนไปยังระดับที่ 2, 3, และ 4 เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมายและเกิดประโยชน์สูงสุด
- การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ เป็นการจัดการโดยใช้ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บุคคลากรในด้านคอมพิวเตอร์และวิธีการทำงานให้ได้ประโยชน์สุงสุดแก่องค์กร โดยคำนึงถึง
-1. วัตถุประสงค์ของการจัดการทรัพยากรสารสนเทศ มี 2 ประการ คือ 1) วัตถุประสงค์ทั่วไป เป็นการกล่าวโดยรวม 2) วัตถุประสงค์เฉพาะ เน้นเนื้อหานั้น ๆ
2. ข้อควรคำนึงในการจัดการทรัพยากรสารสนเทศ สารสนเทศที่ดีจะเสียค่าใช้จ่ายสูงจึงต้องคำนึงถึงผลตอบแทนที่ควรได้รับในการลงทุนซึ่งถ้าไม่มีจะเสียโอกาสในหลายๆ ด้านและการใช้ประโยชน์จากสารสนเทศนั้นจะมีประสิทธิภาพหรือไม่ขึ้นอยู่กับการจัดการขององค์กร
3. การนำการจัดการทรัพยากรสารสนเทศมาช่วยในกงานด้านต่างๆ จะเน้นการสนับสนุนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายในด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ผู้บริหารมีบทบาทในการวิเคราะห์ถึงความต้องการในด้านการประมวลผลข้อมูล ศึกษาติดตามว่าปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น แนวโน้มในอนาคตเป็นอย่างไร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กร


- เทคโนโลยีสารสนเทศต่อการพัฒนาการศึกษา
การนำเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษามาใช้เป็นการลดการเลื่อมล้ำโอกาศทางการศึกษา เช่น
การเรียนทางไกล ซึ่งเป้นการสร้างโอกาสให้แก่ผู้เรียนในชนบทสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ จากอินเทอร์เน็ต เป็นเครื่องมือให้คนพิการมีโอกาสเรียนรุ้เหมือนคนปกติ
- บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อการพัฒนาการศึกษาต่อการพัฒนาการศึกษา
เป็นเครื่องมือและตัวกลางให้ได้รับรู้เรื่องราวได้เร็วขึ้น ช่วยพัฒนาการเรียนการสอนให้มีความทันสมัย ทั้งด้านบริหารจัดการ การเรียนการสอน การวิจัย และการบริการสังคม ซึ่งใช้เทคโนโลยีให้เกิดประสิทธิภาพจะต้องมีระบบบริหารจัดการที่ดี การศึกษาจึงไม่ได้จำกัดอยู่ในสถานศึกษา ผู้เรียนสามารถหาความรู้ได้ด้วยตนเอง ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้ห้องสมุดเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการให้บริการโดยใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต สามารถให้บริการเหมือนมาใช้ห้องสมุดเอง เรียกว่าห้องสมุดเสมือน (Virtual Library) เป็นแหล่งรวมสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์หรือสารออนไลน์ ซึ่งให้บริการสารข้อมูลสืบค้นฐานข้อมูลออนไลน์ มี 3 ประเภท 1) วารสารอิเลคทรอนิกส์ (e - JOURNAL)
2) วิทยานิพนธ์ ภาคนิพน์ งานวิจัยและบทคัดย่อ 3) หนังสืออิเลคทรอนิกส์ (e – Book)
- บทบาทของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตกับการสนับสนุนการศึกษา
ทำให้การศึกษามีความสะดวกรวดเร็ว การสืบค้นข้อมุ
การแลกเปลี่ยนความรู้ทั่วถึงกันมากขึ้น เช่น การศึกษาทางไกล นส์การเรียนการสอนผ่านระบบ วีดีโอคอนเฟอร์เรนส์ ระบบการเรียนแบบออนไลน์ ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
- นโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ
นโยบายเทคดนโลยีสารสนเทศ พ.ศ. 2544 – 2553 (IT 2010) ของไทย เช่น การจัดหา จัดสร้าง ส่งเสริม โครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศและการเรียนรู้สารสนเทศต่าง ๆ ผู้สอนมีส่วนในการจัดการและบริหาร การฝึกอบรมวิชาการและทักษะ เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพความรู้ให้ก้าวหน้า
แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทสและการสื่อสารของกระทรวงศึกษาธิการเน้นผู้เรียน ผู้เสอน บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนใช้ประโยชน์ ICT ในการเข้าถึงการบริการทางการศึกษา โดยภาพรวมสามารถจำแนกตามลักษณะการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อการศึกษา 1) ยกระดับมาตรฐานการเรียนรู้โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา 2) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการให้บริการทางการศึกษา 3) ผลิตและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรบุคคลด้าน ICT
- บทบาทของผู้บริหารการศึกษาต่อการพัฒนาการศึกษา
เป็นผู้กำหนดทิศทางแ ละนโยบายการศึกษาต้องเข้าใจและเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ พัฒนาบุคคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา 1) พัฒนาบุคคลากรทางศึกษาให้มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยี 2) ช่วยลดความเลื่อมล้ำทางการศึกษา 3) ส่งเสริมการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาประยุกต์ใช้ในการจัดการศึกษา

2. ประโยชน์ที่มีของระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Internet) ต่อกระบวนการจัดการศึกษา
- ช่วยให้การเรียนการสอนมีการพัฒนามากขึ้น ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านสื่อและการเรียนผ่านระบบต่างๆ ตามความถนัดความสามารถ ความพร้อมของแต่ละท้องถิ่นแต่ละโรงเรียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเรียนเฉพาะในห้องเรียนเท่านั้นและยังเอื้อต่อการเรียนการสอนของผู้เรียนที่อยู่ห่างไกล ซึ่งสามารถเรียนและรับรู้ข่าวสารที่ทันสมัยทันต่อเหตุการณ์ ทำให้มีความเท่าเทียมทางการศึกษาและสามารถใช้ความรู้ในการประกอบอาชีพ เพื่อความอยู่รอดและพัฒนาประเทศต่อไป


3. เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการใช้โปรแกรมประยุกต์บนอินเทอร์เน็ตเมื่อเปรียบเทียบกับการติดตั้งโปรแกรมใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
โปรแกรมประยุกต์บนอินเตอร์เน็ต
ข้อดี - ใช้งานได้สะดวกรวดเร็ว
- ไม่เปลืองเนื้อที่ในการจัดเก็บข้อมูล
- มีโปรแกรมให้เลือกหลากหลาย
- มีการแลกเปลี่ยนเชื่อมต่อข้อมูลได้รวดเร็ว
ข้อเสีย - มีข้อจำกัดในการใช้งาน
- ถ้าไม่มีสัญญาณรองรับไม่สามารถใช้งานได้
- อาจมีไวรัสแฝงมากับการดาวส์โหลด
โปรแกรมใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
ข้อดี - โปรมแกรมมีความสมบูรณ์ครบถ้วน
- มีบริษัทดูแลเวลามีการเปลี่ยนแปลงให้อัตโนมัติ
ข้อเสีย - เปลืองเนื้อที่ในการลงโปรแกรม
- เสียค่าใช่จ่ายในการติดตั้งโปรแกรม
- ไม่มีไวรัสมากับโปรแกรมที่ลง

ประวัติ

ชื่อ นางสาวโชติกา ยั่งยืน
เกิดวันที่ 18 มีนาคม 2521
จบการศึกษาระดับอนุปริญญาจากสถาบันราชภุฏเพชรบุรี
จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ปัจจุบันเป็น ครู อยู่โรงเรียนวังไกลกังวล สอนวิชา นาฏศิลป์ทย